ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการสร้างและการซื้อขาย NFT

NFTs หรือ โทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนได้ ได้ปฏิวัติวงการสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเปิดโอกาสให้ศิลปิน นักสร้างสรรค์ และนักสะสมสามารถซื้อ ขาย และแสดงผลงานดิจิทัลที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่ผลงานศิลปะดิจิทัล ไปจนถึงของสะสมเสมือนจริง NFTs ได้สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ NFTs ก็ยังมาพร้อมกับข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ซึ่งต้องได้รับความสนใจจากทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและผู้บริโภค

NFTs คืออะไรและทำงานอย่างไร?

NFTs คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีคริปโตกราฟี ซึ่งบันทึกอยู่บนบล็อกเชน—โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ethereum—เพื่อรับรองความเป็นเจ้าของของรายการเฉพาะหนึ่ง ๆ ต่างจากสกุลเงินคริปโต เช่น Bitcoin หรือ Ethereum เอง NFT มีความเป็นเอกลักษณ์; แต่ละโทเค็นจะมีข้อมูลเฉพาะตัวที่ทำให้แตกต่างจากโทเค็นอื่น ความเป็นเอกลักษณ์นี้คือสิ่งที่ทำให้ NFT มีมูลค่าในตลาดสำหรับงานศิลปะ ดนตรี สินทรัพย์เกม และแม้แต่วัตถุในโลกจริง

กระบวนการสร้าง NFT เรียกว่า "minting" ซึ่งหมายถึง การจดทะเบียนไฟล์ดิจิทัลบนบล็อกเชนพร้อมหลักฐานความเป็นเจ้าของ เมื่อสร้างแล้ว โทเค็นเหล่านี้สามารถซื้อหรือขายผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น OpenSea หรือ Rarible ความโปร่งใสและกระจายอำนาจที่เทคโนโลยีบล็อกเชนเสนอ เป็นพื้นฐานในการสร้างความไว้วางใจในธุรกรรมเหล่านี้

ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของการ minting NFT

แม้ว่า NFTs จะนำเสนอนวัตกรรมในการหารายได้จากเนื้อหาดิจิทัล—and even สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์—แต่ก็มีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชนพื้นฐานสำหรับธุรกรรมเหล่านั้น

NFT ส่วนใหญ่ถูก mint บนเครือข่าย Ethereum ซึ่งในอดีตขึ้นอยู่กับกลไกฉันทามติ Proof of Work (PoW) ที่ใช้พลังงานสูง PoW ต้องให้นักขุด (miners) ทำการคำนวณซับซ้อนด้วยคอมพิวเตอร์กำลังสูงเพื่อ validate ธุรกรรม กระบวนการนี้เรียกว่าการ "ขุด" ซึ่งใช้พลังงานจำนวนมหาศาล ความพยายามในการประมวลผลนี้ส่งผลโดยตรงต่อการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

ข้อมูลวิจัยระบุว่าการใช้ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม NFT บน Ethereum เทียบเท่ากับประเทศเล็ก ๆ เช่น เบลีเยียม ในช่วงเวลาที่พลุกพล่านที่สุด ระดับนี้ของการใช้พลังงานส่งผลต่อระดับ CO2 ที่ปล่อยออกมาอย่างมาก เนื่องจากไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในหลายภูมิภาคทั่วโลก

Beyond การใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ยังมีการใช้งาทรัพยากรมากขึ้น: น้ำถูกนำมาใช้สำหรับระบายความร้อนฮาร์ดแวร์ขุด; ของเสียอิเล็กทรอนิกส์สะสมเมื่ออุปกรณ์เก่าแก่หมดประโยชน์; และโรงงานผลิตฮาร์ดแวร์ก็เพิ่มภาระต่อสิ่งแวดล้อม — ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อระบบนิเวศน์โดยตรงจากกิจกรรม NFT ด้วย

พัฒนาด้านความยั่งยืนล่าสุด

ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ จึงเกิดแนวทางเทคนิคหลายประเด็นเพื่อช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม:

• Ethereum 2.0: หนึ่งในการเปลี่ยนผ่านสำคัญคือ Ethereum เปลี่ยนจาก PoW ไปยัง Proof of Stake (PoS) ซึ่งแตกต่างจากกลไก PoW ที่ต้องใช้อุปกรณ์ขุดจำนวนมาก PoS เลือกผู้ตรวจสอบตามจำนวนเหรียญ stake ในเครือข่าย ช่วยลดการใช้พลังงานลงอย่างมาก

• Layer 2 Solutions: แพลตฟอร์มเช่น Polygon (เดิม Matic), Optimism, Arbitrum ทำงานอยู่บนเครือข่ายหลัก เช่น Ethereum แต่จัดการธุรกรรมส่วนใหญ่แบบ off-chain หรือผ่านโปรโตocolปรับแต่ง ช่วยลดภาระบนเครือข่ายหลัก พร้อมรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัย

• Blockchain ที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม: โครงการบางแห่งเลือกใช้งาน blockchain ทางเลือก เช่น Tezos หรือ Solana ซึ่งออกแบบมาให้ใช้อัลกอริธึ่มฉันทามติที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ใช้พลังงานต่ำกว่าเดิม

• แนวคิดสีเขียว & โครงการรักษ์ธรรมชาติ: ศิลปินและองค์กรบางรายเน้นผลิต “NFT สีเขียว” — สินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกแบบด้วยแนวคิดเรื่อง sustainability หรือตอบแทนคร proceeds จากยอดขายไปยังองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติหรือกิจกรรมสีเขียวอื่น ๆ

ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น: กฎหมายควบคุม & มุมมองประชาชน

ข้อกังวลด้านสิ่งแวด ล้อมเกี่ยวกับ NFTs อาจนำไปสู่นโยบายรัฐบาลทั่วโลกที่จะดำเนินมาตราการควบคุมบางประเภท เนื่องจากผลกระ ทบรุนแรงต่อระบบธรรมชาติ:

• รัฐบาลอาจกำหนดยับยั้งหรือเก็บภาษีสำหรับกิจกรรม crypto ที่กินไฟสูง
• อาจเข้มงวดเรื่องข้อมูลเปิดเผยเกี่ยวกับค่าคาร์บอนก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขาย เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ถึงต้นทุนด้านสิ่งแวด ล้อม

ภาพรวมความคิดเห็นของประชาชนก็สำ คัญ หากคนทั่วไปเข้าใจว่าการ minting NFT ใช้ไฟเยอะเพียงใด ก็อาจส่งผลต่อลักษณะนิสัยผู้บริโภคล่ำลา ซื้อสินค้า/ผลงานนั้น ส่งผลให้อัตราเติบโตตลาดชะงัก หากคนกลัวว่าจะสนับสนุนโปรเจ็กต์ที่ส่งผลเสียต่อธรรมชาติ

ตอบรับกันเองในวงกา ร industry รวมทั้งเปลี่ยนนโยบายไปสู่วัสดุและแพ ลตฟอร์มน้อยที่สุดในการกินไฟ พร้อมส่งเสริมแนวนโยบายสีเขียวร่วมกัน เพื่อช่วยลดปัญหาด้าน สิ่งแวด ล้อม โดยไม่หยุดนิ้งค์ นำเสนอ นาวัตกรรรมใหม่ๆ ในวงการพนันออนไลน์อีกด้วย

ข้อมูลสำ คัญ & เหตุการณ์สำ คัญตามเวลา

เข้าใจแนวนโยบายล่าสุดจะช่วยให้เห็นภาพรวมดีขึ้น:

1. 2021: ย่างเข้าสู่ช่วงเติบโตสุดยอด แพลตฟอร์มใหญ่ๆ อย่าง OpenSea เริ่มโด่ งดัง หลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อ ยๆ ของสะสมออนไลน์
2. 2022: รายงานเผยแพร่ว่า การค้าขายช่วงเวลาพีก ส่งผลต่อระดับ CO₂ โลก
3. 2023: อัปเดตก้าวหน้าหมายถึง Ethereum ประกาศเดินหน้าเข้าสู่ Ethereum 2.0 — คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายด้าน energy ลงมาก
4. 2024: Layer 2 solutions ได้รับนิยมมากขึ้น เหตุการณ์นี้นักวิัฒนาอยากหา platform รองรับ volume สูง โดยไม่ต้องกินไฟเยอะ

เหตุการณ์เหล่านี้สะ ท้อนทั้งวิวัฒนาการทางเทคนิคเพื่อ sustainability และ ปัญหาที่ยังต้องแก้ไขร่วมกัน เพื่อสมรรถนะทางเศรษฐกิจควบบคู่ กับหน้าที่ดูแลรักษาโลกใบนี้ไว้ด้วยกัน

ก้าวไปสู่สินทรัพย์ดิจิ ทัลองค์กรสีเขียว

อนาคตของ NFTs ขึ้นอยู่กับวิธีปรับตัวของวง การ ให้เข้ากันได้ดี กับแนวนโยบายสีเขียว:

• การเลือกใช้งาน blockchain ที่เป็น eco-friendly ช่วยลด carbon footprint รวมทั้ง ลดต้นทุนด้าน energy
• เพิ่มข้อมูลเปิดเผย เรื่อง ผลกระ ทบร่วม ต่อสุขภาพ สิ่ง แวด ล้อม ของสินทรัพย์นั้นๆ ให้ลูกค้า ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
• ร่วมมือกันระหว่าง ศิลปิน นักเทคนิค วิทยาศาสตร์ และ ผู้กำหนดยุทธศาสตร์ เพื่อกำหนดยูนิ ฟอร์ มมาตรวัด สำหรับมาตรวจสอบ ผล กระ ทบร่วม ทาง สิ ง แ ว ด ล อ ม อย่าง เป็นรูปธรรม ทั้งหมด นี้จะช่วยให้อุตสาห กรรมสามารถเติบโตแบบ ยั่ง ยืน โดยไม่ละเลยคุณค่าทางเศษฐกิจหรือคุณค่าทางธรรมชาติ

สรุปท้ายสุด

NFTs เป็นปรากฏการณ์ใหม่แห่งยุค ระหว่าง เทคโนโลยี เชิงสร้างสรรค์ กับ เศรษฐศาสตร์ แบบ decentralize — แต่ก็เต็มไปด้วยคำถามเรื่อง ผล กระ ทบร้ายแรง ต่อ ระบบ นิเวศน์ พื้นฐาน จากกลไกฉันทามติแบบ Resource-intensive อย่าง Proof-of-Work

เมื่อคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น รวมถึง นักลงทุนสาย ESG ก็เริ่มใส่ใจ เรื่องนี้ ภาครัฐบาลเองก็เริ่มตั้งคำถาม ถึงบทบาทหน้าที่ในการดูแล สิทธิ์ เสรีภาพ ของตลาด พร้อมทั้งเรียกร้อง ให้เกิด แนวนโยบาย เข้มแข็ง เกี่ยวข้อง กับ วิธีดำเนินธุรกิจ แบบ Sustainable มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ผ่าน เทคโนโลยีพัฒนาใหม่ รวมทั้ง ส่งเสริมช่องทาง โปรโมตรูปแบบใหม่ สำหรับ nft ที่ใส่ใจเรื่อง environment เพื่อให้มั่นใจว่า NFTs จะยังอยู่คู่โลกใบนี้ ไปอีกหลายปี